top of page

ชล, วรุฐ สุโภไควณิช - นักเขียน

  • Writer: People of Lamphun
    People of Lamphun
  • May 23, 2021
  • 1 min read

Updated: May 29, 2021

ชล / หมึกจีน, วรุฐ สุโภไควณิช, ร้านสิงห์ชัย ป่าเห็ว

นักเขียน เพจหนังสือสะท้อนแสง, เล่นดนตรี, ขายของ, สถาปนิกอิสระ


ผมเกิดและโตในครอบครัวคนจีนที่มีวัฒนธรรมคนเมืองอยู่เต็มเปี่ยม บ้างถูกนิยามไว้ขำๆ ว่า ‘เจ๊กคำเมือง’ เท่าที่ผมจำความได้ ตั้งแต่ยังเล็กผมต้องช่วยป๊าม๊าขายของเมื่อมีเวลาว่าง สิ่งที่ผมเห็นมาโดยตลอดคือ ม๊าจะถูกเรียกว่า “เจ๊” ป๊าจะถูกเรียกว่า “ฮัย” ม๊าจะคอยพูดคุยกับลูกค้าทุกคน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบโน่นนี่นั่น “วันนี้แก๋งอะหยัง?”, “บะเด่วนี้ไปหย๊ะก๋านตี้ไหน?”, “บะค่อยหันแม่เลยช่วงนี้”, “ตะวานป้อมาซื้อน้ำจิ้มสุกี้ แป๋งสุกี้กิ๋นกันก๋า?” ฯลฯ ลูกใครหลานใครรู้ไปหมด ตั้งแต่วัยรุ่นยันผู้สูงอายุ ผมก็สงสัยไปตามประสาว่าม๊าจะคุยอะไรกันนักกันหนากับคนที่ไม่รู้จัก




จนผมโตขึ้น ความเจริญเริ่มเข้า ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อใหม่กำลังเริ่มเข้ามาเปิดกิจการใกล้ๆร้าน ผมที่เริ่มโตขึ้นแล้วก็เกิดความกังวลใจขึ้นมาว่า ร้านเราจะไหวไหม? เมื่อเวลาผ่านไปผมก็เลิกกังวลไปเองแบบงงๆ ม๊าไม่ได้บอกอะไรแต่ผมค่อยๆรู้สึกไปเรื่อยๆ และคิดว่า ร้านเราที่อยู่มากว่า 40 ปี เพราะคำว่า “วันนี้แก๋งอะหยัง” นี่แหละ จริงๆเลย


คนลำพูนจะมีความน่ารักความไร้เดียงสาที่ดึงดูดให้รู้สึก “อ้ออ๊อย” ยังไงไม่รู้อยู่เสมอ ลำพูนมีความเรียบง่ายและความกลมกลืนไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าร้านกาแฟสวยๆ ที่พึ่งเปิดใหม่ หรือร้านอาหารใหม่ๆ ที่ดูโมเดิร์นมากๆ ทุกอย่างจะดูน่ารักกลมกลืนไปกับโรงเรียน ร้านกล้วยทอด บ้านลุงไหน ร้านข้าวต้มราชา ร้านเจ้ส่วน ฯลฯ ผมก็อธิบายไม่ถูกซะทีเดียว ทุกอย่างมันมีความใกล้ชิดกันกันไปหมด มันไม่ใช่แค่เราถามกันว่า “กินข้าวหรือยัง?” แต่เราถามกันยัน “ทำกับข้าวอะไรกินกัน?” กันแล้ว

ในอนาคตผมเชื่อว่าเมื่อคนอิ่มตัวจากความเจริญจะเริ่มมองหาสิ่งที่ลำพูนมี นั่นก็คือ ความใกล้ชิด ความรู้สึกของการถูกสภาพแวดล้อมโอบกอด นี่เป็นเสน่ห์ที่คนรุ่นก่อนได้สร้างเอาไว้ และผมว่ายังไม่หายไป


​ผมเคยทำงานวิจัยหลายชิ้นเกี่ยวกับบ้านเก่าในลำพูน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์หลายต่อหลายคนเพื่อทำข้อมูล และผมก็พบว่าแทบจะทุกคนจะมีจุดเชื่อมโยงกันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นญาติกันบ้างเป็นเพื่อนกันบ้าง แตกธุรกิจออกไปบ้าง เคยทำงานด้วยกันบ้าง เคยทำโน่นทำนี่ด้วยกันอะไรต่างๆ

ผมจึงมองศักยภาพของเมืองลำพูนที่เป็นเหมือน homestay ขนาดใหญ่ที่ทุกคนเชื่อมโยงถึงกัน ไปมาหาสู่กัน พึ่งพาอาศัยกัน แขกไปใครมาก็หยิบยื่นกิจกรรม ผ่านกันเป็นทอดๆ ของดีเราก็มีกันอยู่แล้ว วัฒนธรรมเราก็เข้มแข็ง ผู้คนเราก็ “อ๊ออ้อย” กันสุดๆ เมืองที่เขาว่าเป็น “เมืองทางผ่าน” อาจกลายเป็นเมืองที่น่าอยู่ไปอย่างถาวรเลยก็ได้

Comments


Copyright © 2021 People of Lamphun

Drop Me a Line, Let Me Know What You Think

Thanks for submitting!

© 2023 by Train of Thoughts. Proudly created with Wix.com

bottom of page